ไมเกรนเป็นหนึ่งในอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียด การใช้สายตา และท่าทางซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน อาการปวดไมเกรนไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การทำงาน และการพักผ่อน หลายคนอาจสับสนว่าอาการปวดหัวแบบไหนถึงจะเรียกว่า “ไมเกรน” และควรรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี
สาเหตุของไมเกรน
ไมเกรนไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นโรคโดยตรง แต่เป็นภาวะที่เกิดจากการบีบและคลายตัวของหลอดเลือดในสมองมากกว่าปกติ ร่วมกับความผิดปกติชั่วคราวของสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้นจนเกิดอาการปวดหัวตุ๊บ ๆ ปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อย ได้แก่
-
- แสงสว่างจ้า หรือแสงกระพริบ
- อากาศร้อนจัดหรือชื้น
- พฤติกรรมเสี่ยงแบบออฟฟิศซินโดรม เช่น นั่งทำงานนาน ๆ ใช้คอและไหล่ผิดท่า
- อาหารบางชนิด เช่น ชีส คาเฟอีน แอลกอฮอล์ ผงชูรส ไส้กรอก แฮม เบคอน
- ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการอดนอน
อาการของไมเกรน
หลายคนเข้าใจผิดว่าไมเกรนต้องปวดข้างเดียวเสมอ ความจริงแล้วอาจปวดได้ทั้งสองข้างหรือสลับข้างก็ได้ ระดับความรุนแรงก็แตกต่างกัน บางรายปวดมากจนทำงานไม่ได้ ขณะที่บางรายมีอาการไม่รุนแรงแต่เรื้อรังและเกิดบ่อย ร่วมกับอาการอื่น เช่น
-
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ไวต่อแสงและเสียง
- เห็นแสงวูบวาบ หรือมีอาการตาพร่า
การรักษาด้วยกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดเป็นวิธีรักษาที่ไม่ต้องใช้ยาและไม่ต้องผ่าตัด แต่ช่วยลดอาการปวดและฟื้นฟูสมดุลของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ปรับท่าทาง และลดความตึงที่เป็นตัวกระตุ้นไมเกรน
ตัวอย่างท่าบริหารที่ช่วยบรรเทาไมเกรน
ท่าที่ 1: ยืดคอด้านหลัง
- วิธีทำ: นั่งหลังตรง ก้มคางลงชิดอก ประสานมือวางไว้ด้านหลังศีรษะ กดเบา ๆ ให้รู้สึกตึงที่ต้นคอ
- ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 3–5 ครั้ง
ท่าที่ 2: กดคลายกล้ามเนื้อฐานกะโหลก
- วิธีทำ: นั่งหลังตรง ยกข้อศอกทั้งสองข้างขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือวางที่ฐานกะโหลกด้านหลัง (บริเวณแอ่งเล็ก ๆ) ออกแรงกดเบา ๆ และหมุนวน
- ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 3–5 ครั้ง
ท่าที่ 3: ก้มแตะปลายเท้า
- วิธีทำ: นั่งเหยียดขาตรงไปด้านหน้า หายใจเข้ายกแขนขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นหายใจออก ก้มตัวเอื้อมมือแตะปลายเท้า พยายามให้ขาตึงไม่งอ
- ค้างไว้ 10–15 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 4: Cat-Cow (ท่าโยคะ)
- วิธีทำ: คุกเข่า วางมือทั้งสองบนพื้น แขนเหยียดตรง หายใจเข้าพร้อมโก่งหลังขึ้น (Cat) ก้มศีรษะลง คางชิดอก
- จากนั้นหายใจออกพร้อมแอ่นหลังลง (Cow) เงยหน้าขึ้น
- ทำสลับกัน 10–15 รอบ
ท่าที่ 5: ก้มตัวแนบเข่า (Forward Bend)
- วิธีทำ: ยืนตัวตรง กางเท้าเล็กน้อย หายใจออกพร้อมก้มตัวลงไปด้านหน้า พยายามให้ศีรษะชิดเข่า ใช้มือจับข้อเท้าหรือพื้นเพื่อช่วยค้างท่า
- ค้างไว้ 10–15 วินาที ทำซ้ำ 3–5 ครั้ง
การทำท่าบริหารเหล่านี้ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อคอ บ่า และหลัง ซึ่งมักเป็นจุดกระตุ้นอาการไมเกรน แต่เพื่อความปลอดภัย ควรทำภายใต้คำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
บทสรุป
ไมเกรนเป็นภาวะที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งความผิดปกติของสมอง พฤติกรรมการใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อมรอบตัว หากเข้าใจสาเหตุและอาการ จะช่วยให้เลือกวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการทำกายภาพบำบัดที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดความถี่และความรุนแรงของอาการได้จริง
อย่างไรก็ตาม หากคุณลองปรับพฤติกรรมหรือทำท่าบริหารแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินอาการอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยคุณสามารถเข้ารับการดูแลกับทีมผู้เชี่ยวชาญที่ Piraya Clinic เรามีนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ซึ่งจะช่วยออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดให้ตรงกับสาเหตุของอาการอย่างแท้จริง
หากต้องการปรึกษานักกายภาพบำบัดฟรี สามารถจองคิวได้ที่ LINE : @pirayaclinic
โทรสอบถาม / จองคิวด่วน โทร. 096-4464798