การรักษาอาการปวดเมื่อยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS (Peripheral Magnetic Stimulation): ทางเลือกใหม่สำหรับการฟื้นฟูสุขภาพ
การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของทุกคน และในปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาโรคและฟื้นฟูสุขภาพมากมาย หนึ่งในนั้นคือ โปรแกรมการรักษาด้วยเครื่อง Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และไม่จำเป็นต้องทำบ่อยๆ
เครื่อง PMS ย่อมาจาก Peripheral Magnetic Stimulation คือเครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยการใช้อุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้า Electromagnetic กระตุ้นระบบประสาทส่วนปลายด้วยคลื่นแม่เหล็กความแรงสูงเพื่อยับยั้งอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ โรคปวดข้อต่อ โรคเอ็นข้อมืออักเสบหรือโรคเอ็นต่าง ๆ และอาการชาจากเส้นประสาท โดยกลุ่มผู้ป่วยที่สามารถรักษาด้วยเครื่อง PMS ได้ เช่น กลุ่มอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stoke) กลุ่มผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังหรือกลุ่มที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรง กลุ่มปวดต่าง ๆ หรือออฟฟิศซินโดรม กลุ่มอาการชา เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาร่วมกับเครื่อง Shockwave ได้
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS ทำงานโดยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านผิวหนังลงไปยังเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาท กระบวนการนี้เรียกว่า “Recruit Motor Units” ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของหน่วยประสาทสั่งการในกล้ามเนื้อ (Motor Units) ส่งผลให้เกิดการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้ออย่างเป็นจังหวะ โดยการกระตุ้นนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดอาการอักเสบ และส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อให้คืนสู่สภาพปกติโดยไว
PMS เป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคู่ไปกับการทำกายภาพบำบัดอื่นๆ และเนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะจึงทำให้สามารถรักษาโรคได้ทั้งกลุ่มกล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเอ็น กระดูก ไปจนถึงอาการไมเกรน โดยสามารถแบ่งได้หลัก ๆ ประมาณ 5 กลุ่มโรค ดังนี้
ผู้ป่วยกลุ่มออฟฟิศซินโดรม หรือกลุ่มอาการปวดต่าง ๆ ทั้งชนิดเชื้อรัง และเฉียบพลัน การใช้เครื่อง PMS เข้ารักษาจะช่วยลดอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท กล้ามเนื้อ พังผืด เอ็น อาการเคล็ดคัดยอก เช่น อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แขน มือ หลัง เอว สะโพก เข่า หรือปวดข้อเท้า เป็นต้น หากรักษาด้วยเครื่อง PMS อย่างต่อเนื่องอาการปวดต่าง ๆ รวมถึงออฟฟิศซินโดรมจะค่อย ๆ ดีขึ้น
กลุ่มผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตที่เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stroke) รวมถึงการบาดเจ็บในสมอง การบาดเจ็บของไขสันหลัง หน้าเบี้ยวครึ่งซีก โดยการรักษาด้วยเครื่อง PMS จะช่วยลดภาวะการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต และยังเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในกลุ่มคนที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง
กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลังคือ กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรง มาจากการเสื่อมของกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือในกลุ่มคนที่กระดูกสันหลังมีการยุบตัวลงจนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการเหมือนปวดร้าวลงขา หรือถ้าหากเป็นกระดูกบริเวณต้นคอก็จะมีอาการปวดร้าวลงแขน
การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วยเครื่อง PMS จะช่วยรักษาและลดอาการปวดที่เกิดจากเส้นประสาท หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลังได้ เนื่องจากการถูกกระตุ้นด้วยแม่เหล็กจะสามารถลงลึกไปถึงรากประสาทได้
กลุ่มอาการชา หรือผู้ที่มีอาการชาจากปลายประสาท หรือเส้นประสาทถูกกดทับ เช่น มือชา เท้าชา แขนชา โดยส่วนมากมักพบในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากโรคเบาหวานทำให้เกิดการขาดสารอาหารจากน้ำตาลในเลือดที่จะไปเลี้ยงตัวเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบขึ้นมา การรักษาด้วยเครื่อง PMS จะช่วยให้อาการชาดีขึ้นในแต่ละครั้งที่รักษา
เครื่องกายภาพ PMS ยังสามารถช่วยรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรืออาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้ เช่น การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก จำพวกอาการเคล็ดขัดยอกต่าง ๆ การใช้เครื่อง PMS จะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและช่วยซ่อมแซมระบบประสาทส่วนที่มีการเสียหายให้กลับมาทำงานเป็นปกติได้เร็วยิ่งขึ้น
แม้ว่า PMS จะเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีข้อห้ามสำหรับบุคคลบางกลุ่ม ได้แก่
หลังจากที่ทำการรักษาด้วยเครื่อง PMS โดยปกติแล้วผู้ป่วยจะรู้สึกถึงอาการปวดที่ดีขึ้นได้ทันทีหลังทำ และอาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้งที่มารับการรักษา ในบางรายที่ถูกกระตุ้นครั้งแรก อาจมีกล้ามเนื้อระบมได้ คล้ายอาการปวดเมื่อยหลังออกกำลังกาย แต่อาการควรหายไปในเวลาสั้น หากอาการเป็นต่อเนื่องยาวนานหลักหลายชั่วโมง ไปจนถึงถึงหลักวัน ให้ติดต่อแพทย์เพื่อปรึกษาแนวทางรักษาต่อไป และระหว่างทำการรักษา ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดตะคริวในบริเวณกล้ามเนื้อที่กระตุ้นได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่อง PMS คือ กล้ามเนื้อมีโอกาสระบมได้ ทั้งนี้แพทย์จะทำการประคบเย็นให้ทันทีหลังจากรักษาเสร็จ นอกจากนี้การใช้เครื่อง PMS รักษาอาการปวดต่าง ๆ จำเป็นจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เนื่องจากเป็นกระบวนการรักษาที่เกี่ยวกับระบบประสาท โดยเฉพาะการใช้เครื่อง PMS บริเวณใบหน้า ที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง
รวมถึงผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือปวดมาก หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อยอย่างอัมพฤกษ์ อัมพาต จำเป็นจะต้องอาศัยการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์และนักกายภาพบำบัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ระยะเวลาในการรักษาด้วย PMS ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ความรุนแรงของอาการ และการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละราย โดยทั่วไป การรักษาด้วยเครื่อง PMS จะใช้เวลาครั้งละ 5-10 นาทีต่อ 1 จุด และเพื่อการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ แพทย์จะแนะนำให้รักษา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต่อ 1 ครั้ง
โปรแกรมการรักษาด้วยเครื่อง Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ PMS มีข้อดีคือ ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยา และมีผลข้างเคียงน้อย อย่างไรก็ตามการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนการรักษา เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดของ Piraya Clinic มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่อง Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) อย่างมืออาชีพ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวและกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว